bookmark_borderสองสามีภรรยาเจ้าของรถหัวร้อนด่ากราดเจ้าหน้าที่ตำรวจจนต้องติดคุก

         เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีตรงบริเวณถนนบางกรวยไทรน้อยเส้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขับรถผ่านมาออกตรวจเส้นทางนั้นพอดีแล้วพบว่ามีรถเก๋งคันนึงจอดอยู่ริมถนนซึ่งเป็นจุดจอดที่ห้ามจอดเนื่องจากว่ามีการกำหนดเป็นที่จอดรถขาวแดงเอาไว้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงจากรถเพื่อจะเดินไปบอกเจ้าของรถว่าห้ามจอดแต่เนื่องจากว่าไม่มีคนอยู่ภายในรถทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการล็อครถ

และมีการเขียนใบสั่งเอาไว้ติดตรงหน้ารถซึ่งบริเวณที่รถจอดนั้นจะอยู่หน้าร้านขายของศึกษาภัณฑ์หลังจากที่เจ้าหน้าที่ล็อครถเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะกลับเจ้าของรถทั้งชายและหญิงก็เดินมาถึงที่รถบัญชีพอมาเห็นว่ารถเก๋งของตนเองนั้นถูกล็อคล้อและมีการเขียนใบสั่งค่าปรับเอาไว้ก็เกิดอาการไม่พอใจพากัน

ต่อว่าและด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พยายามอธิบายและชี้แจงอย่างไรทั้งคู่ก็ไม่ยอมฟังยังคงเดินเข้ามาต่อว่าและวายเสียงดังจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเดินหนีไปอีกฟากหนึ่งของถนนแต่คนทั้งคู่ก็ยังไม่ยอมที่จะลดละยังคงเดินข้ามถนนไปด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่หยุดจนในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการโทรให้ร้อยเวรมารับตัวสองสามีภรรยาคู่นี้ไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก

ซึ่งระหว่างที่มีการรอร้อยเวรมาจับกุมตัวทั้งคู่นั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการถ่ายคลิปวีดีโอไว้เป็นหลักฐานว่าถูกทั้งคู่สองสามีภรรยาด่าทอซึ่งเมื่อไปถึงโรงพักนั้นทั้งสองสามีภรรยาก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานตอนที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ทำให้ทั้งคู่นั้นต้องเสียเงินค่าปรับและยังต้องติดคุกอีกด้วย

            สำหรับการจอดรถนั้นเราจะทราบกันดีอยู่แล้วถ้าหากใครได้ไปสอบใบขับขี่ก็จะรู้ว่าจุดที่เป็นสีขาวสีแดงนั้นเป็นจุดที่ห้ามจอดรถดังนั้นเมื่อเราทำผิดกฎก็จำเป็นจะต้องไปจ่ายค่าปรับตามกฎหมายซึ่งถ้าเกิดว่าผู้หญิงชายผู้นั้นไม่ด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจโวยวายมากเกินไปเขาก็จะไม่โดนโทษหนักเหมือนกับที่เขาโดยอยู่ในตอนนี้จริงๆแล้ว

แค่เสียค่าปรับโดนค่าล็อคล้อก็พอแล้วแต่นี่เขาโดนไปโดนข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานอีกก็เลยทำให้ติดคุกไปด้วยแทนที่จะเสียค่าปรับอย่างเดียวสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่บริเวณถนนบางกรวยไทรน้อยซึ่งสถานีที่ตำรวจที่รับผิดชอบก็ คือ สภ. บางบัวทอง 

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ

bookmark_borderเมียนอนเสียชีวิต สามีไม่รู้เรื่องเพราะเมา นอนกอดศพเมียจนเช้า 

          เมื่อวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2563  ช่วงเวลาประมาณ 06:00 น เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจเมืองชลบุรีได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีคนเสียชีวิตภายในห้องเช่าหลังหนึ่ง   ในห้องเช่าดังกล่าวนั้นไม่มีชื่อและห้องเช่าดังกล่าวยังอยู่ในซอยที่ชื่อว่าซอยสุขใจอยู่ในเขตตำบลหนองไม้แดงจังหวัดชลบุรี   เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับกู้ภัยเดินทางไปถึงยังจุดเกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตนอนเสียชีวิตอยู่ภายในที่นอนของห้องเช่าโดยมีสามีของผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ด้านข้างศพอยู่

    จากการสอบสวนสามีของผู้เสียชีวิตที่ชื่อว่านายทองแดง   ซึ่งมีอาชีพเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย  ทราบว่านายทองแดงหรือผู้เสียชีวิตนั้นเป็นสามีภรรยากันในช่วงเวลากลางคืนในทองแดงและผู้ตายได้นั่งดื่มเหล้าซึ่งเป็นการดื่มเหล้ากันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วหลังจากที่กินเหล้าเสร็จประมาณ 8:00 น ผู้เสียชีวิตก็ได้ขอตัวไปนอนหลับหลังจากนั้นนายทองแดงก็นั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวจนดึกจึงได้เข้านอนแต่พอตื่นเช้าขึ้นมาในทองแดงบอกว่าพบว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้วเนื่องจากว่าพยายามปกเท่าไหร่ภรรยาก็ไม่ยอมตื่นสักทีอีกทั้งยังเห็นคราบเลือดอยู่ตรงบริเวณหมอนที่ภรรยาหนุนนอนอยู่ 

         อย่างไรก็ตามทางด้านในทองแดงไม่ทราบว่าภรรยาของตนเองเสียชีวิตตอนไหนเนื่องจากว่าตนเองนั้นเมาและหลับอยู่ข้างภรรยามารู้ตัวอีกทีก็เป็นช่วงเวลาเช้าตอนที่จะปลุกภรรยาให้ไปทำงาน  สำหรับผู้เสียชีวิตเองชื่อว่านางวิภา  โดยนางวิภานั้นมีโรคประจำตัวอยู่หลายโรคและมีการรักษาตัวอยู่กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี

         จากการสอบสวนทางเพื่อนบ้านของนางวิภา  ให้ข้อมูลว่านางวิภากับสามีนั้นเป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันไม่เคยทะเลาะกันส่วนใหญ่แล้วเพื่อนบ้านมักจะได้ยินนางวิภาชอบดุด่าสามีเกี่ยวกับเรื่องของการกินเหล้าเป็นประจำแต่ไม่เคยเห็นว่ามีการทะเลาะตบตีกันในวันเกิดเหตุนางวิภาก็กินเหล้าอยู่กับสามีซึ่งในช่วงเวลากลางคืนได้ยินเสียงน้ำที่พาบ่นว่าเจ็บพร้อมกับได้ยินเสียงร้องโอ๊ยโคยและได้ยินเสียงของนายสมภพผู้เป็นสามีบอกว่าเดี๋ยวก็หาย 

            หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอีกเลย  ทางด้านเพื่อนบ้านจึงสันนิษฐานว่านางวิภาน่าจะเสียชีวิตจากอาการโรคที่มีอยู่กำเริบเนื่องจากว่ามีอาการของโรคแทรกซ้อนหลายอย่างอีกทั้งนางวิภายังเป็นคนชอบหรือเหล้าจึงทำให้น่าจะเสียชีวิตจากการกินเหล้าเยอะมากก็เป็นไปได้

           ทั้งนี้คงต้องรอผลจากการชันสูตรศพจากทางโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับอาการและสาเหตุของการเสียชีวิตของนางวิภา  

 

ขอบคุณผุ้ให้การสนับสนุนโดย  หวยออนไลน์ lottovip

bookmark_borderหมอให้เอกซเรย์ แล้วคนตายแพ้สารทึบรังสี 

      เมื่อวันที่ 29   เดือนกันยายน ปีพ.ศ 2563    ได้มีผู้ชายคนหนึ่งได้โพสต์ Facebook เป็นรูปภาพงานศพของภรรยาตนเองอีกทั้งยังมีการระบุใน Facebook ของตนเองว่าต้องการที่จะร้องขอความเป็นธรรมให้กับตนเองและภรรยาโดยระบุว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการไปรักษาอาการปวดท้องน้อยที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนของจังหวัดเชียงใหม่

         อย่างไรก็ตามแต่ชายคนดังกล่าวได้มีการระบุว่าเขาต้องการติดต่อกับนักข่าวสำนักข่าวไหนก็ได้ให้มาทำข่าวเกี่ยวกับภรรยาของเขาที่เสียชีวิตเพราะเขาเกรงว่าหากเขามีการต่อสู้กับทางโรงพยาบาลเอกชนเกี่ยวกับเรื่องของการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของภรรยาของตนเองแล้วจะไม่ได้รับความเป็นธรรมดังนั้นเขาจึงต้องการให้เรื่องราวนี้เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศเพื่อเมื่อมีคนสนใจเยอะๆการตรวจสอบจากหน่วยงานต่างๆจะได้อนุมัติและได้รับความเป็นธรรมง่ายขึ้นนั่นเอง

         สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของภรรยาของเขานั้นเขาเรียกเราว่าภรรยาของเขามีอาการปวดท้องน้อยซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าภรรยาของเขาป่วยเป็นโรคอะไรนอกจากว่ามีการปวดท้องมาประมาณ 3-4 วันแล้วจึงได้พาภรรยาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยเลือกโรงพยาบาลเอกชนและเลือกตรวจในแผนกอายุรกรรมทางเดินอาหารเพราะเห็นว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการปวดท้องเมื่อไปถึงนายแพทย์ที่รับผิดชอบได้สั่งให้ภรรยาของเขานอนที่โรงพยาบาลและต้องการที่จะเอกซเรย์ตรงบริเวณท้องน้อย

      หลังจากที่มีการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของโรงพยาบาลที่เรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้พาภรรยาของเขาไปที่ห้องเอกซเรย์ซึ่งก่อนที่จะเข้าห้องเอกซเรย์นั้นเจ้าหน้าที่ได้มีการฉีดสารทึบรังสีแต่ปรากฏว่าภรรยาของเขานั้นแพ้สารนี้อย่างรุนแรงทางด้านคุณหมอที่รับผิดชอบไม่สามารถที่จะยื้อชีวิตภรรยาของเขาไว้ได้เพียงระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เข้ามาในโรงพยาบาลแห่งนี้ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตลงอีกทั้งยังมาบอกเขาหลังจากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตว่ามีการตรวจสอบบริเวณท้องของภรรยาของเขาแล้วพบว่ามีถุงของการตั้งครรภ์ซึ่งทางโรงพยาบาลจึงได้มีการนำปัสสาวะของภรรยาไปทำการตรวจสอบดูพบว่าภรรยาของเขาตั้งครรภ์จริงๆ

         เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เขามองว่าเขาต้องสูญเสียทั้งภรรยาและลูกไปโดยที่ภรรยาของเขายังไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นตั้งครรภ์อีกครั้งเมื่อเขามีการไปสอบถามกับทางโรงพยาบาลถึงเอกสารการเสียชีวิตทางโรงพยาบาลก็มีการบ่ายเบี่ยงอยู่ตลอดเวลาซึ่งญาติของเขาที่เป็นคุณหมอมาตรวจสอบเอกสารดูก็พบความผิดพลาดหลายอย่างดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะส่งให้ทางคุรุสภาเข้ามาทำการตรวจสอบโรงพยาบาลแห่งนี้ว่ามีการรักษาเกินกว่าเหตุหรือไม่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ภรรยาของเขาเสียชีวิต

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ซื้อหวยผ่านเว็บ

bookmark_borderเจอคาตาทนไม่ไหวใช้เหล็กแทงกิ๊กตาย

เมียขับรถมาจากต่างจังหวัดกลางดึกเพราะสังหรณ์ผัวจะซุกกิ๊ก มาถึงเจอคาตาทนไม่ไหวใช้เหล็กแทงกิ๊กตาย

มีเรื่องราวเกิดขึ้นที่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนาบอนได้รับการแจ้งจากโรงพยาบาลนาบอนว่ามีคนถูกแทงได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมาเนื่องจากว่าเสียเลือดมากเพราะอาวุธถูกแทงไปตัดเส้นเลือดใหญ่ตรงบริเวณเอวด้านซ้ายซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึงและสอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดโดยผู้ที่ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นชื่อว่านายซี

โดยนายซีกล่าวว่าผู้ที่เสียชีวิตนั้นชื่อนางบีส่วนผู้ที่ก่อเหตุนั้นชื่อนางเอเป็นภรรยาของตนเอง ดูเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในช่วงของกลางคืนวันที่ 21 เดือนสิงหาคมปีพศ2563 ด้วย  นายซี เล่าว่าปกติแล้ว เขากับนางเอนั้นจะอยู่คนละที่กันเนื่องจากนางเอกต้องไปทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดโดยทำงานประจำตำแหน่งอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์อาทิตย์

นึงจะกลับบ้านมาสักครั้งหนึ่งในวันเกิดเหตุนั้นนางบีซึ่งเป็นคนที่ นายเอ  รู้จักมาสักระยะหนึ่งแล้วได้มาเยี่ยมสามีที่ติดคุกอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากนั้นนาง บี ก็ขอพักอาศัยอยู่ที่บ้านของตนก่อนหนึ่งคืน เนื่องจากว่า เย็นมากแล้วซึ่งในช่วงกลางดึกอยู่ดีๆภรรยาของตนก็ขับรถกลับมาบ้าน

โดยมาเคาะประตูเรียกทำให้นายเอรู้สึกตกใจมากที่ ภรรยา กลับมาจึงไม่ยอมเปิดประตูให้เข้าแต่ทางด้านภรรยาซึ่งก็คือนาง C กลับปีนหลังคาและเปิดกระจกเข้ามาและเมื่อเข้ามาในห้องได้ก็มาทะเลาะกับนางบีและได้ใช้เหล็กแทงไปที่บริเวณเอวของนางบี จนได้รับบาดเจ็บ จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ว่าอาการสาหัสจึงทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมาซึ่งขณะที่เกิดเหตุนั้นทางด้านของนางซีเองก็ไม่ได้หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปไหนยังรอให้ปากคำทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและล้อมรอบตัวอยู่นั่นเอง

         ส่วนทางด้านนางสินั้นได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวดังกล่าวว่าเธอรู้สึกสังหรณ์ใจว่าสามีของเธอจะพากิ๊กมานอนที่บ้านเพราะก่อนหน้านี้เธอเคยรักใครล่ะคายเรื่องสามีของเธอกับนางบีมาแล้ว และเคยขอร้องทั้งนาย a และนางบีไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกันแต่ทั้งคู่ก็ยังแอบพบเจอกันซึ่งนางซีมักจะแอบขับรถมาเฝ้าสามีอยู่ที่หน้าบ้านอยู่เป็นประจำวันนี้ก็เช่นเดียวกัน

เมื่อเธอขับรถมาถึงปรากฏว่าเมื่อกดออดให้สามีเปิดประตูแต่มีกับไม่เปิดและนางบียังเปิดหน้าต่างออกมาทำหน้าตายิ้มเยาะใส่ทำให้เธอนั้นเกิดความหึงหวงจนหน้ามืดจึงทำการปีนหน้าต่างเข้าไปและไปทะเลาะจนถึงทำร้ายนางบีนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยจับยี่กี

bookmark_borderตามล่าทหารชนคนบาดเจ็บ 5คนรวดแล้วหนีกลับบ้าน

          เมื่อคืนวันที่ 7 เดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2563  ได้มีเหตุการณ์เกิดเหตุรถกระบะเฉี่ยวชนผู้คนได้รับบาดเจ็บรวมทั้งหมดจำนวน 5 คนด้วยกันซึ่ง 2 ใน 5 คนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU ส่วนอีก 3 คนที่เหลือก็ต้องผ่าตัดเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของกะโหลกยุบและมีปัญหาเกี่ยวกับข้อมือหักโดยเหตุการณ์ครั้งนี้ได้มีการใช้เรื่องราวไว้ใน Facebook

ซึ่งผู้ที่แชร์นั้นคือแม่ของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 1 ใน 5 คนนั้นเองโดยเธอเขียนใน Facebook ให้ช่วยกันตามหาชายที่ก่อเหตุโดยเธอระบุเป็นทะเบียนรถกระบะเอาไว้อีกทั้งยังบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าอยู่ใกล้กับบริเวณตลาดโต้รุ่งเอกธานีโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อลูกชายของเธอซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้นได้พบรถของหญิงสาวคนหนึ่งเสียจอดอยู่ข้างทางจึงได้ลงไปทำการช่วยเหลือระหว่างที่ลงไปช่วยเหลืออยู่นั้นปรากฏว่ารถกระบะที่ก่อเหตุได้พุ่งเข้ามาชนลูกชายของเธอ

และคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นจนพากันได้รับบาดเจ็บสาหัสรวมทั้งสิ้น 5 คนด้วยกันแต่คนที่ขับรถกระบะที่เกิดเหตุไม่ได้ลงมาดูผู้บาดเจ็บเลยได้ขับรถหนีไปโชคดีมีพลเมืองดีได้มีการถ่ายภาพทะเบียนรถกระบะคันที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ซึ่งหลังจากที่เธอได้มีการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและติดตามหาตัวชายคนดังกล่าวแล้วพบว่าชายคนนั้นเป็นทหารจึงมียศเป็นจ่าเอก

โดยเธอและญาติของผู้บาดเจ็บคนอื่นๆรวมตัวกันเดินทางไปที่บ้านของนายทหารคนดังกล่าวเพื่อต้องการให้นายทหารคนนั้นออกมารับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองปรากฏว่านายทหารคนนั้นกลับนอนอยู่ภายในบ้านพักของตนเองอย่างสบายใจและไม่ยอมออกมาพูดคุยเจรจาด้วยซึ่งตัวพวกญาติของผู้บาดเจ็บเองก็ไม่กล้าบุกรุกเข้าไปในบ้านของนายทหารคนดังกล่าวเพราะเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาบุกรุกสถานที่พักจึงได้มีการประสานงานกับทางหัวหน้างานของนายทหารคนนั้นให้ช่วยดำเนินการติดตามตัวนายทหารคนนั้นมาดำเนินคดี

ซึ่งปัจจุบันนี้ผู้ที่โพสต์ Facebook ยังได้บอกว่ายังไม่สามารถจับกุมตัวนายทหารคนดังกล่าวได้เลยเพราะว่ามีข่าวว่าหนีออกนอกพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้วเธอจึงอยากให้ชาวโซเชียลช่วยกันแชร์ข้อมูลรวมถึงให้ข้อมูลเหล่านี้รู้ไปถึงลูกสาวของนายทหารที่ก่อเหตุเพื่อที่จะได้เกลี้ยกล่อมให้ผู้ที่ทำความผิดนั้นมารับโทษและมารับผิดชอบกับการกระทำดังกล่าวด้วยสำหรับเหตุการณ์นี้ครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดชลบุรีซึ่งตอนนี้ทางด้านครอบครัวของผู้บาดเจ็บนั้นก็ได้มีการโพสต์เกี่ยวกับรางวัลสำหรับคนที่ให้ข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับนายทหารที่ก่อเหตุผลดังกล่าวเอาไว้เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยหุ้นออนไลน์